ปรอทมีอยู่ตามธรรมชาติใน อากาศ ที่ดิน และแม้แต่ในไฟล์ น้ำด้วยเหตุผลนี้ เป็นที่เข้าใจได้ว่าสัตว์และแม้แต่ตัวเราเองก็สามารถมีปรอทในร่างกายของเราได้ในปริมาณเล็กน้อย
ธาตุนี้ต้องระวังให้มากเพราะอาจทำให้เกิดโรคร้ายแรงได้ เช่น พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ หรือแม้กระทั่ง ความหมกหมุ่น. ในตอนแรก การอุดฟันจำนวนมากมีสารปรอท 50% อยู่ในองค์ประกอบ ซึ่งเป็นความจริงที่ทำให้ทุกคนหวาดกลัวในทุกวันนี้
ปรอทเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ปริมาณสารนี้ที่โลกมีจำนวนมากนั้นเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ มันมาจากการเผาไหม้ถ่านหินในโรงไฟฟ้า ห้องครัว การผลิตภาคอุตสาหกรรม industrialฯลฯ
มีสารปรอทอยู่ในผลิตภัณฑ์และอาหารเหล่านี้
- ยาฆ่าแมลงและสารกำจัดวัชพืชผลิตภัณฑ์ทั้งสองนี้ "จำเป็น" ในการทำให้ผลิตภัณฑ์ปลอดจากแมลงและไม่เน่าเสีย แต่จะเติมปรอทลงในอาหารที่เราบริโภคในภายหลังแทน
- การปล่อยมลพิษทางอุตสาหกรรม
- บางส่วน เครื่องสำอาง ตั้งใจปรับสีผิวให้สว่างขึ้น
- ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อและยา
- แบตเตอรี่, แบตเตอรี่, เครื่องวัดอุณหภูมิ, หลอดฟลูออเรสเซนต์ ฯลฯ
- อุดฟัน
- ปลา: ผู้ที่มีปรอทมากที่สุดคือ ปลาทูน่า, ปลากะพง, ปลาฉลาม, ปลานาก. อื่นๆ ที่มีแต่ปริมาณน้อยกว่า ได้แก่ ปลาซาร์ดีน ปลากะตัก และปลากะตัก แม้ว่าเราต้องเน้นว่าเราจะต้องกินปลาในปริมาณมากเพื่อทำร้ายเรา
ถ้าเรากลืนปรอทเข้าไปจะเกิดอะไรขึ้น?
ลอส ผลกระทบที่เป็นพิษ จะขึ้นอยู่กับอายุของผู้ที่รับประทานเข้าไปและวิธีการที่รับประทานเข้าไป ไม่เหมือนกัน เช่น การรับโดยตรงมากกว่าการสูดดม เป็นต้น หากหายใจเข้าไป ระบบย่อยอาหารและระบบประสาทของเราพร้อมกับปอดจะได้รับผลกระทบ
ถ้าปรอทถูกดูดกลืนเราก็ทนได้ ตัวสั่น ความจำเสื่อม นอนไม่หลับ, ภาวะไตวาย, ความผิดปกติของมอเตอร์และองค์ความรู้.
หากคุณอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ สิ่งสำคัญคือต้องอยู่ห่างจากผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่อาจมีส่วนประกอบดังกล่าว เนื่องจากองค์ประกอบนี้สามารถ ส่งผลโดยตรงต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์.
ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ เราต้อง ระมัดระวังและตื่นตัว ดูแลลูกน้อยเพื่อไม่ให้เล่นกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่